
เหตุใดจึงมีการระบาดหนักในประเทศอิตาลี?
หลาย ๆ คนต่างก็สงสัยว่าเหตุใดประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงามแห่งนี้จึงกลายมาเป็นศูนย์กลางในการแพร่ระบาดแห่งใหม่ของไวรัสโคโรนา
โดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้เหตุผลในเรื่องนี้มากมาย ตั้งแต่การที่ประเทศอิตาลีมีประชากรสูงอายุจำนวนมาก ไปจนถึงความล้มเหลวของระบบสุขภาพ รวมถึงเหตุผลโบราณ ๆ ที่ว่าโชคไม่เข้าข้างประเทศอิตาลี ซึ่งเหตุผลทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ประเทศอิตาลีต้องพบกับวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายปีเช่นนี้
เหตุผลใดเหตุผลหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดประเทศที่มีประชากร 60 ล้านคนจึงมียอดผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งในสามของยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 11,500 รายจากประชากรทั้งหมด 7.7 พันล้านคนทั่วโลก
ทว่าประเทศอื่น ๆ ต่างก็ต้องการนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาเพื่อสร้างมาตรการป้องกันและเลี่ยงไม่ให้ประเทศของตนกลายกลายเป็นอิตาลีแห่งที่สอง
ประเทศผู้สูงอายุ
ปัจจัยแรกที่สังเกตเห็นได้ง่าย ๆ จากสถิติก็คืออายุเฉลี่ยของชาวอิตาลีนั้นค่อนข้างสูง
อายุเฉลี่ยของประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 45.5 ปี ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
อีกทั้งยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศจีนและสูงกว่าประเทศเกาหลีเล็กน้อย
สถิติที่มีการเผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์นั้นระบุว่าอายุเฉลี่ยของชาวอิตาลีที่เสียชีวิตจาก COVID-19 อยู่ที่ 78.5 ปี
ซึ่งเกือบ 99 เปอร์เซนต์ของจำนวนนี้มีโรคประจำตัวหรืออาการเจ็บป่วยเดิมอยู่ก่อนแล้ว
โดยอัตราการตายของผู้ติดเชื้อในประเทศอิตาลีสูงถึง 8.6 เปอร์เซ็นต์

ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ ดาวด์แห่งมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดได้กล่าวบนทวิตเตอร์ว่า “ผู้สูงอายุมักจะเสียชีวิตจาก COVID-19 “
ศาสตราจารย์ดาวด์ว่าเอาไว้ว่า “ประเทศที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากจะต้องมีมาตรการการป้องกันที่เข้มงวดเพื่อลดอัตราการเกิดเคสผู้ป่วยหนักจนทำให้เกินขีดจำกัดของระบบสุขภาพ”
ทว่าอายุเฉลี่ยของประเทศญี่ปุ่นคือ 47.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าประเทศอิตาลี แต่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพียง 35 รายเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าอายุไม่ใช่ปัจจัยส่งเสริมเพียงอย่างเดียว
โชคไม่เข้าข้าง
นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าการระบาดต่อเนื่องอาจเกิดขึ้นกับประเทศอื่น ๆ ต่อจากประเทศจีน
“ผมคิดว่าคำถามที่ว่า ‘ทำไมต้องเป็นประเทศอิตาลี?’ เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด แต่คำตอบง่าย ๆ ก็คือ มันไม่มีเหตุผลเลยครับ” ยาสชา มังก์แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ CBC ของแคนาดา
“สิ่งที่ทำให้ประเทศอิตาลีแตกต่างจากประเทศอื่นก็คือเคสแรก ๆ ที่มีการระบาดนั้น (การแพร่ระบาดภายในประเทศ) มีการระบาดขึ้นเพียง 10 วันก่อนที่จะมีการระบาดในประเทศเยอรมนี, สหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาเท่านั้นเอง”
ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศอิตาลีเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 รายภายในเดือนเดียวหลังจากที่ชายวัย 78 ปีซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างจากแคว้นลอมบาร์เดียในมิลานเสียชีวิตลงจาก COVID-19 ซึ่งเป็นรายแรกในทวีปยุโรป

โดยประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ประเทศสเปนและฝรั่งเศสกำลังตามรอยประเทศประเทศอิตาลี ทำให้อาจมียอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากมายในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
“หากประเทศอื่น ๆ ไม่มีมาตรการจัดการที่เหมาะสม ประเทศเหล่านั้นก็จะเหมือนกับประเทศอิตาลี” มังก์กล่าว
ความล้มเหลวของระบบ
ความจริงอันน่ากลัวที่เราได้เรียนรู้จากการระบาดทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีก็คือ โรคนี้จะแพร่ระบาดเร็วขึ้นเมื่อระบบสุขภาพถึงจุดอิ่มตัว
เมื่อไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงพอ เช่น เครื่องช่วยหายใจหรือเตียงผู้ป่วย แพทย์ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะช่วยเหลือผู้ป่วยรายใดก่อน
“บางครั้งคุณต้องชั่งน้ำหนักดูว่าอาการของผู้ป่วยรายใดที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในการรักษา” เปาโล เทอราโยลีหัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเบรเซียกล่าวกับสำนักข่าว AFP
“เราพยายามช่วยทุกคนอย่างสุดความสามารถ แต่เราก็ให้ความช่วยเหลือคนที่มีโอกาสมากกว่าเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน”
ผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยที่อาการหนักที่ถูกทอดทิ้งจะแพร่กระจายเชื้อได้มากและจะต้องเสียชีวิตลง ซึ่งเป็นความจริงอันน่าเศร้า
สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอิตาลีกลัวก็คือไวรัสจะแพร่กระจายไปทางตอนใต้ของประเทศอิตาลีที่ยากจนกว่าและมีอุปกรณ์ทางการแพทย์น้อยกว่า
การคัดกรองและการนับจำนวนยอดผู้ติดเชื้อ
ทั่วโลกเริ่มตระหนักแล้วว่าชุดตรวจ COVID-19 นั้นมีไม่เพียงพอ
ประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศอิตาลี จึงแก้ไขปัญหานี้ด้วยการตรวจเฉพาะคนที่มีอาการ เช่น ไข้หรือไอแห้ง ๆ เท่านั้น
ประเทศเกาหลีใต้มีชุดตรวจเพียงพอและสามารถตรวจได้มากกว่า 10,000 รายต่อวัน
ส่วนประเทศเยอรมนีก็ใช้มาตรการคล้าย ๆ กัน ทำให้อัตราผู้เสียชีวิตลดลง และเริ่มมีการนับยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในรายที่มีอาการไม่รุนแรง
จึงอธิบายได้ว่าเหตุใดประเทศอิตาลีจึงมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงและเหตุใดบางประเทศจึงมียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าประเทศอื่น
ไมเคิล มินาศาสตรจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่าการตรวจหาเชื้อ 100,000 ต่อวัน “อาจจะเป็นการดี” กับบางประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น



