โรคนี้มักเกิดกับผู้ที่เข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไป ยิ่งอายุมากขึ้นสถิติก็ยิ่งสูงขึ้น ซึ่งตัวผู้ป่วยนั้นจะมีอาการปวด ทรมาน จากการอักเสบของข้อ ไม่เพียงเท่านั้น เพราะผู้ป่วยยังจะถูกบั่นทอนจากความบกพร่องในการทำงานของข้อจนเป็นสาเหตุให้เกิดความพิกลพิการเป็นอย่างมาก
คุณทราบหรือไม่ว่า???
การอักเสบ (Inflammation) คือต้นตอสาเหตุ ทำให้เกิดโรคต่างๆ
“The Secret Killer” หนังสือนิตยสารไทม์ได้ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.2004 บอกถึงความลับไขปัญหาในร่างกายเรา การที่ร่างกายเราสุขภาพไม่ดีทำให้ร่างกายเราสูญเสีย “The Secret Killer” ตัวการจริงๆ คือ อินเฟลมเมชั่น (Inflammation) คือการ “อักเสบ” ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะโรคไขข้ออักเสบ
ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นเช่น เมื่อคุณตัวร้อนก็ต้องกินยาให้ตัวคุณเย็น คุณเป็นมะเร็งก็เอายาไปฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่คุณไม่เคยคิดเลยว่ามันมาจากสาเหตุอะไรแท้ที่จริงก็มาจากการอักเสบเรื้อรังนั่นเองฉะนั้นการที่จะหยุดปัญหาของโรคต่างๆ ได้ต้องกำจัดที่ต้นตอคือ การอักเสบเรื้อรัง
มีงานจากการศึกษาวิจัยพบว่ามีสารสกัดตัวหนึ่งชื่อว่า “เซซามิน” ซึ่งสารตัวนี้จะมีอยู่จำนวนมากในเมล็ดงาดำ ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญคือ” สารต้านการอักเสบ”
จุดเด่นของงาดำนั้นมีสารสำคัญ 3 ชนิดที่ได้รับการวิจัย และศึกษาอย่างสูงในปัจจุบันคือ
– สารเซซามิน (Sesamin)
– สารเซซาโมลิน (Sesamolin หรือ D-Sesami)
– สารซาเซมอล (Sasemol)
สารสำคัญ 3 ชนิดนี้ มีคุณสมบัติทางด้านการแพทย์เป็นอย่างสูง และที่สำคัญมากที่สุดคือ 3 สารสำคัญนี้มีในเฉพาะงาดำเท่านั้น ไม่สามารถหาได้ในแหล่งอื่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดี มากกว่าสารอื่นๆ หลายเท่า
มีผลการใช้ และการป้องกัน และส่งเสริมอวัยวะภายในโดยเฉพาะหัวใจ สมอง ปอด ตับ และไต อีกทั้งดีต่อผิวและผมอีกด้วยกระแสที่มาแรงที่ปลุกความสนใจของนักวิทยาศาสตร์ที่มีต่องาดำ คือผลการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันมะเร็ง และประสิทธิภาพในการชะลอและหยุดการแพร่ของเชื้อมะเร็ง เป็นความหวังอีกอย่างหนึ่งให้แก่ผู้ป่วยเหล่านี้
การรับประทานงาดำเป็นอาหารเสริมนั้นควรอยู่ในรูปของน้ำมันเย็นสกัด ด้วยความดันสูง และบรรจุในแคปซูลที่ป้องกันแสงและอากาศเพื่อไม่ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำมัน เพราะสารเหล่านี้มีสภาพคงตัวและละลายได้ดีในรูปของน้ำมัน
การสกัดเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารเสริมในรูปแบบไม่เป็นธรรมชาตินั้นขัดกับหลักชีวะโมเลกุล อีกทั้งยังทำให้ได้สารที่ต้องทำงานด้วยกันไม่ครบถ้วน การรับประทานงาดำให้ได้ประโยชน์นั้นจึงควรอยู่ในรูปเมล็ดงาบดละเอียดหรือน้ำมันงาดำสกัดเย็นเท่านั้น ท่านถึงจะได้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพมากที่สุดจากงาดำ



